เบาบับ(ต้นมหาสมบัติ) มหัศจรรย์ต้นไม้กลับหัวแห่งห้วงความหวังและชีวิต

ต้นเบาบับ
สารบัญบทความ
ต้นเบาบับ

ต้นเบาบับ (Baobab tree) ต้นไม้ประจำถิ่นของทวีปแอฟริกาที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วโลกและเป็นที่นิยมในกลุ่มนักปลูกต้นไม้เป็นอย่างมาก เพราะต้นเบาบับเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษหลากหลายประการ ทั้งเป็นพันธุ์ไม้ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุด โดยสามารถมีอายุได้มากถึง 6,000 ปี

ลักษณะของลำต้นทรงกระบอกที่สูงใหญ่แปลกตา กิ่งก้านแตกแขนงราวกับชูรากอยู่กลางอากาศจนได้สมญานามว่า ต้นไม้กลับหัว (Upside-down Tree) นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ต้นเบาบับยังนับเป็นพันธุ์ไม้มากคุณประโยชน์ ทั้งช่วยสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารสำหรับสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ในผืนป่า ครบครันอรรถประโยชน์เพื่อการใช้สอยและเต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางยาที่กลุ่มชนพื้นเมืองได้นำมาใช้ประโยชน์เพื่อการรักษาโรคเป็นเวลาช้านาน 

ข้อมูลทั่วไปของต้นเบาบับ

ต้นไม้แห่งชีวิต

ชื่อ: ต้นเบาบับ, Baobab tree, African Baobab

ชื่อท้องถิ่น: ต้นขนมปังลิง (monkey-bread tree), ต้นไม้กลับหัว (upside-down tree), ต้นไม้หนูตาย (Dead Rat Tree), ต้นไม้แห่งชีวิต (tree of life), cream of tartar tree, ต้นขวด (Bottle tree), ต้นมหาสมบัติ (ชื่อไทย)

ชื่อวงศ์: MALVACEAE (Bombacaceae)

ชื่อวิทยาศาสตร์: Adansonia digitata L. 

ถิ่นกำเนิดของต้นเบาบับ: ต้นเบาบับ (Baobab Tree) เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน แห้งแล้งของทวีปแอฟริกาและทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับ (ประเทศเยเมนและโอมาน) โดยสามารถพบต้นเบาบับกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในทวีปแอฟริกา หมู่เกาะมาดากัสการ์และยังสามารถพบต้นเบาบับบางสายพันธุ์ในประเทศออสเตรเลียและมาเลเซีย 

สายพันธุ์ของต้นเบาบับ: ต้นเบาบับมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 สายพันธุ์ (Species) ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีถิ่นกำเนิดที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • 2 สายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในแผ่นดินใหญ่ของทวีปแอฟริกา ได้แก่ Adansonia digitata (African Baobab), Adansonia Kilima (Montane African Baobab)
  • 6 สายพันธุ์ที่ถูกพบในหมู่เกาะมาดากัสการ์ ได้แก่ Adansonia grandidieri (Giant Baobab), Adansonia perrieri (Perrier’s Baobab), Adansonia za (Za Baobab), Adansonia madagascariensis (Madagascar Baobab), Adansonia rubrostipa (Fony Baobab), Adansonia Suarezensis (Suarez Baobab)
  • 1 สายพันธุ์ที่ถูกพบในประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ Adansonia gregorii (Australian Baobab)
เบาบับ
Adansonia gregorii

ด้านความเชื่อ

  • ชนเผ่าแอฟริกันชาวพื้นเมืองต่างมีความเชื่อว่าต้นเบาบับ เป็นต้นไม้แห่งชีวิตและต้นไม้แห่งความหวังเพราะต้นเบาบับเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ ตั้งตระหง่านมั่นคงและสามารถเติบโตท่ามกลางสภาพความแห้งแล้งได้เป็นอย่างดี 
  • มีความเชื่อว่าต้นเบาบับเป็นต้นไม้มงคล ช่วยปกป้องคุ้มจากศัตรูและภัยร้ายต่าง ๆ ชนเผ่าแอฟริกันจึงนิยมสร้างบ้านและที่อยู่อาศัยใกล้กับต้นเบาบับ และหากเมื่อมีการย้ายถิ่นที่อยู่ ก็มักจะนำเมล็ดของต้นเบาบับไปปลูกต้นใหม่อีกด้วย
  • เหล่าพระราชาผู้ปกครองและผู้อาวุโสในยุคโบราณ มักใช้บริเวณต้นเบาบับสำหรับการประชุมหารือเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะเชื่อว่าจิตวิญญาณของต้นเบาบับจะทำให้สามารถตัดสินใจได้เฉียบคมมากยิ่งขึ้น
  • ในยุคปัจจุบันชาวแอฟริกันยังคงใช้ต้นเบาบับเป็นสถานที่สำหรับการพบปะพูดคุย หรือแม้กระทั่งใช้เป็นห้องเรียน 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นเบาบับ  

ต้นเบาบับ
Adansonia digitata

ต้นเบาบับเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบที่มีลำต้นขนาดใหญ่ พบขึ้นเป็นต้นเดี่ยว ๆ หรือขึ้นรวมกันเป็นกลุ่มกอหลายต้น เจริญเติบโตได้ในภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตร้อน ทนทานต่อสภาวะความแห้งแล้งและขาดน้ำได้เป็นอย่างดี 

ลำต้นของต้นเบาบับ:

ต้นเบาบับเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ เปลือกของลำต้นเรียบและอ่อนนุ่ม เป็นมันเงามีสีม่วงแกมเทาไปจนถึงสีทองแดง ลำต้นรูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ บางต้นมีลักษณะคล้ายขวดน้ำหรือขวดแชมเปญ บริเวณกลางต้นมีลักษณะอวบใหญ่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-11 เมตร ขนาดเส้นรอบวงยาวได้ถึง 47-50 เมตร และมีลำต้นสูงประมาณ 5-30 เมตร ต้นเบาบับจึงนับเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นใหญ่และอวบมากที่สุดในโลก 

ลักษณะเนื้อไม้:

ต้นเบาบับเป็นไม้อวบน้ำ (Succulents) ที่มีเนื้อนิ่มและชุ่มไปด้วยน้ำ โดยต้นเบาบับสามารถดูดซับน้ำฝนเพื่อเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของลำต้นได้มากถึง 120,000 ลิตร ทำให้ต้นเบาบับสามารถเจริญเติบโต ติดดอกออกผลได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้งและขาดน้ำ 

อายุของต้นเบาบับ:

ต้นเบาบับถูกขนานนามว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลก โดยต้นไม้ทั่วไปมีอายุสูงสุดได้ประมาณ 1,000-3,000 ปี แต่ในขณะที่พบว่าต้นเบาบับบางต้นมีอายุมากถึง 5,000-6,000 ปี

ใบ:

ใบของต้นเบาบับเป็นใบประกอบแบบฝ่ามือ (palmately compound leaf) เป็นใบประกอบที่ใบย่อยแตกออกจากปลายของก้านใบ มีรูปร่างคล้ายฝ่ามือ ออกเรียงสลับที่บริเวณปลายกิ่ง ใบกว้างประมาณ 15-20 เซนติเมตร มีขนนุ่มสั้นปกคลุมตลอดใบ ปลายใบแหลม ฐานใบเรียว ขอบใบเรียบเสมอกัน โดยใบอ่อนของต้นเบาบับเป็นสีเขียว มีแฉก 2-3 แฉก เมื่อใบขยายใหญ่ขึ้นจะกลายเป็นสีเขียวแก่ มีแฉกประมาณ 5-9 แฉก ต้นเบาบับจะเริ่มผลัดใบในช่วงฤดูหนาวที่มีระดับความชื้นในอากาศต่ำและอากาศแห้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำให้แก่สภาพแวดล้อมภายนอก

ดอก:

ดอกของต้นเบาบับแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ดอกเบาบับเป็นดอกเดี่ยวและออกตามซอกใบ ดอกจะห้อยลงมาจากลำต้นคล้ายลูกตุ้ม กลีบดอกสีขาว มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12-20 เซนติเมตร ออกเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ กลีบดอกหนา ปลายโค้งมน บริเวณกลางดอกมีเกสรตัวผู้กระจุกรวมกันจำนวนมาก (ประมาณ 700-1,500 อัน) ดอกของต้นเบาบับมีกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์เพื่อช่วยล่อแมลงและสัตว์ต่าง ๆ มาช่วยผสมพันธุ์ เริ่มติดดอกในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม โดยดอกจะบานในช่วงกลางคืนเพื่อทำการผสมเกสร จากนั้นจะร่วงหลุดไปจนหมดเมื่อครบ 24 ชั่วโมง

ผล:

ต้นเบาบับจะเริ่มออกผลเมื่อมีอายุได้ประมาณ 8-10 ปี ผลของต้นเบาบับมีทั้งลักษณะที่เป็นผลทรงกลมและผลทรงรีรูปไข่ มีความยาวได้มากถึง 30-40 เซนติเมตร เปลือกภายนอกแข็งและหยาบ มีขนสั้นและนุ่มคล้ายกำมะหยี่สีเหลืองอมเทาขึ้นปกคลุมจนทั่ว ผลเบาบับขนาดใหญ่มีน้ำหนักได้มากถึง 2 กิโลกรัม ภายในผลมีลักษณะคล้ายเยื่อแป้งสีขาว โดยมีเมล็ดเบาบับอยู่ฝังอยู่ด้านในได้มากถึง 400 เมล็ด 

ต้นเบาบับ ราคา

ประโยชน์และสรรพคุณของต้นเบาบับ

แทบทุกส่วนของต้นเบาบับมีคุณประโยชน์เพื่อการใช้สอยและสรรพคุณทางยา ดังนี้

  1. เนื้อในผลเบาบับ เนื้อด้านในของผลเบาบับมีลักษณะเป็นปุยสีขาว มีรสเปรี้ยว บ้างก็ว่าคล้ายสตรอว์เบอร์รี บ้างก็ว่ารสชาติคล้ายลูกหยี เนื้อของผลเบาบับมีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าส้ม 6 เท่า มีเส้นใยอาหาร (Fiber) มากกว่าผักโขม 10 เท่า และยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ นิยมนำมาแปรรูปและใช้ผงเบาบับในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อการลดน้ำหนัก และใช้เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
  2. เมล็ดของต้นเบาบับ สามารถใช้รับประทานแบบสด นำไปคั่วผ่านความร้อน หรือนำมาเพาะเมล็ดเพื่อทานต้นอ่อน โดยเมล็ดของต้นเบาบับมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ เช่น โรคไข้หวัดมาลาเรีย วัณโรค โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ท้องร่วง โรคบิด โรคโลหิตจาง ฯลฯ นอกจากนี้น้ำมันจากเมล็ดเบาบับยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) จึงนิยมนำไปใช้เป็นส่วนผสมของสกินแคร์และเครื่องสำอาง
  3. ใบและเปลือกของต้นเบาบับ ชนเผ่าพื้นเมืองใช้ส่วนของใบและเปลือกของต้นเบาบับสำหรับการรักษาโรคแทบทุกชนิด โดยสามารถใช้ทานทั้งแบบสดและนำไปประกอบอาหาร เพื่อช่วยบรรเทาอาการโรคไข้หวัดมาลาเรีย วัณโรค โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ท้องร่วง โลหิตจางโรคบิด และบรรเทาอาการปวดฟัน
  4. ลำต้นและรากของต้นเบาบับ คั้นน้ำเพื่อใช้ดื่มเป็นยาชูกำลัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ
  5. เส้นใยจากเปลือกต้นเบาบับ เปลือกต้นเบาบับมีเนื้อหนาและเหนียวมาก ชนเผ่าพื้นเมืองนิยมถากหรือกรีดเอาเส้นใยของเปลือกนอกต้นเบาบับมาถักทอเป็นเชือก แห อวน หรือการนำมาทอเป็นเครื่องนุ่งห่ม

วิธีการปลูกเลี้ยงต้นเบาบับ

แม้ว่าต้นเบาบับจะเป็นพันธุ์ไม้ที่มีลำต้นขนาดใหญ่และสูงได้หลายสิบเมตร แต่ทั้งนี้ก็สามารถปลูกเลี้ยงต้นเบาบับได้ในพื้นที่สวนหลังบ้านหรือในภาชนะปลูกได้เหมือนพันธุ์ไม้อื่น ๆ โดยขนาดของต้นเบาบับจะไม่สูงใหญ่มากเหมือนอย่างต้นที่เติบโตในธรรมชาติ 

ต้นเบาบับ วิธีเลี้ยง

แสงแดด:

ต้นเบาบับเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแดดจัดและเป็นพันธุ์ไม้ที่ต้องการแสงเยอะ การปลูกต้นเบาบับจึงควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวัน หรือได้รับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 6 ชั่วโมง/วัน หากต้นเบาบับได้รับแสงแดดน้อยเกินไป จะทำให้ต้นเติบโตได้ช้า ใบจะเริ่มกลายเป็นสีเหลืองและร่วงจนหมด

น้ำ/ความชื้น:

ต้นเบาบับเป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนกึ่งแห้งแล้ง มีความต้องการน้ำในระดับปานกลางถึงน้อยจึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยมาก โดยสามารถรดน้ำซ้ำได้อีกครั้งเมื่อสังเกตว่าดินปลูกแห้ง สำหรับกระถางที่ใช้สำหรับปลูกต้นเบาบับควรเป็นกระถางที่มีรูระบายน้ำด้านล่าง เพื่อช่วยระบายน้ำส่วนเกินออกจากกระถาง ป้องกันปัญหารากเน่าและส่งผลให้ต้นเบาบับยืนต้นตาย

ดิน:

ต้นเบาบับมีถิ่นกำเนิดในเขตกึ่งร้อนและกึ่งแห้งแล้ง ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทรายหรือดินร่วนปนทราย จุดสำคัญคือดินปลูกต้นเบาบับจะต้องร่วนและโปร่ง สามารถระบายอากาศและน้ำได้ดี เพื่อให้รากของต้นเบาบับเดินได้สะดวกและแข็งแรง ลดปัญหารากเน่า สูตรดินปลูกที่แนะนำสำหรับการปลูกต้นเบาบับ คือ ใช้ปุ๋ยหมัก ทรายและดินปลูก ผสมเข้าด้วยกันในอัตราส่วน 3:2:1 หรือใช้ดินปลูกแคคตัสสูตรผสมสำเร็จเพื่อปลูกต้นเบาบับก็ได้เช่นเดียวกัน 

การให้ปุ๋ย:

ในกรณีที่ปลูกต้นเบาบับลงบนพื้นดินไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยต้นเบาบับ เพราะต้นสามารถเจริญเติบโตและสะสมสารอาหารได้เองตามธรรมชาติ สำหรับต้นเบาบับที่ปลูกในภาชนะปลูกสามารถให้ปุ๋ยชนิดละลายน้ำได้ โดยควรเลือกเป็นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงและมีไนโตรเจนต่ำสามารถให้ปุ๋ยได้ทั้งทางใบหรือทางราก ประมาณ 1 ครั้ง/เดือน หลีกเลี่ยงการให้ปุ๋ยต้นเบาบับมากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดปัญหาใบไหม้ หรือทำให้ฟอร์มต้นผิดเพี้ยนได้ 

การขยายพันธุ์ต้นเบาบับ:

ต้นเบาบับเป็นพันธุ์ไม้ที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย มีขั้นตอนการดูแลน้อย โดยสามารถขยายพันธุ์ต้นเบาบับได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ 

  • การขยายพันธุ์ต้นเบาบับด้วยการเพาะเมล็ด นำเมล็ดพันธุ์ของต้นเบาบับไปแช่ในน้ำที่อุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงใช้ตะไบหรือกระดาษทรายขัดเอาเปลือกสีดำด้านนอกของเมล็ดออกจนหมด เนื้อด้านในของเมล็ดจะเป็นสีขาว นำเมล็ดไปผึ่งจนแห้งและนำลงดินปลูก โดยขุดดินให้ลึกประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร หมั่นดูแลให้ดินเพาะชุ่มชื้นอยู่เสมอ และต้องระวังไม่ให้ดินเพาะเปียกแฉะมากเกินไป เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2-3 เดือน จะเริ่มมียอดอ่อนและรากแทงออกมาจากเมล็ดของต้นเบาบับ หลังจากนั้นสามารถย้ายต้นกล้าไปปลูกลงในพื้นดินหรือภาชนะปลูกได้ตามความต้องการ 
  • การขยายพันธุ์ต้นเบาบับด้วยการปักชำกิ่ง โดยให้เลือกตัดกิ่งของต้นเบาบับที่มีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตรและมีใบอย่างน้อย 3-4 ใบ โดยหลังจากที่ตัดกิ่งมาแล้วให้วางผึ่งเอาไว้จนแห้งดีเพื่อป้องกันปัญหาโคนเน่าจากเชื้อรา จากนั้นจึงนำไปปักชำในดินร่วนปนทราย 

กระถางปลูก:

สามารถปลูกต้นเบาบับ (หลังจากที่ต้นฟอร์มรากแล้ว) ลงบนพื้นดิน หรือปลูกในภาชนะปลูก เช่น กระถาง หรือกระบะ ในกรณีที่ปลูกต้นเบาบับลงในกระถางควรใช้กระถางปลูกที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 7 เซนติเมตร และควรเปลี่ยนกระถางปลูกทุก ๆ 3 เดือน หรือเมื่อสังเกตเห็นรากของต้นเบาบับโผล่ขึ้นมาจากดินปลูก เพื่อป้องกันปัญหารากแน่นจนทำให้การเจริญเติบโตของต้นเบาบับหยุดชะงัก

ผลเบาบับ
ผลเบาบับ

ราคาต้นเบาบับ

ในปัจจุบันมีการขยายพันธุ์ต้นเบาบับเพื่อใช้สำหรับการค้าขายเชิงพาณิชย์เป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาของต้นเบาบับไม่สูงนัก สามารถหาซื้อต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์ของต้นเบาบับตามร้านขายพันธุ์ไม้หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาแค่เพียงหลักร้อยบาท ทั้งนี้ราคาซื้อขายอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์ของต้นเบาบับ

เอกสารอ้างอิง

RECENT POSTS