ต้นโมก ไม้สวนดอกหอมเสริมลาภ หนุนความจรูญรุ่งเรือง

ต้นโมก
สารบัญบทความ
ต้นโมก

โมก นั้นถือเป็นต้นไม้มงคล เป็นต้นไม้แบบพื้นบ้านดั้งเดิมของไทยมาแต่โบราณกาล ในไทยนั้นพบขึ้นในธรรมชาติตามป่าทั่วไปจะพบมากในป่าที่มีลักษณะชุ่มชื้นหรือป่าดิบชื้น เป็นไม้ดอกคู่เรือนของคนไทยมายาวนาน

มีหลักฐาน ตามหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2416 ว่าไม้ชนิดนี้เป็นไม้ที่มีดอกหอมผู้คนมักปลูกไว้คู่เรือนหรือชุมชน แสดงถึงหลักฐานชัดเจนว่า คนไทยสมัยร้อยกว่าปีก่อนที่ผ่านมานิยมปลูกไม้ดอกนี้ไว้บริเวณบ้านเรือนนั้นเอง

ต้นโมกกับคนไทยยุคปัจจุบัน

ต้นโมกนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยเรานี้เอง ส่วนในด้านของยานั้น คนไทยเราเชื่อว่ารากของต้นไม้ชนิดนี้สามารถนำมาทำยารักษาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง,โรคเรื้อน โดยนำรากของมันมาต้มตามวิธีทำยาสมุนไพร

โมกถือเป็นไม้ยืนต้นที่มีความแข็งแรงทนทาน มีรูปทรงสวยงาม และเป็นที่นิยมของคนไทยมาช้านาน ไม่ว่าจะใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้มงคล หรือการจัดสวน,ประดับบ้าน,อารามวัด,หรือตามสวนสาธารณะก็ตาม ด้วยความที่เป็นต้นไม้ที่มีทรงพุ่มหนาจึงสามารถตัดแต่งเป็นรูปทรงต่างๆตามแต่ที่คนจัดสวนถนัดเพื่อความสวยงามหรือประดับประดาใดๆก็ได้ทั้งสิ้น

ดอกโมก

ข้อมูลทั่วไป-ลักษณะทางทางพฤกษศาสตร์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wrightia religiosa (Tejsm & Binn.) Benth. ex Kurz

วงศ์ : Apocynaceae

ชื่อพื้นถิ่น: โมกลา, หลักป่า, โมกบ้าน, โมกกอ, ปิดจงวา(สุรินทร์-กัมพูชา)

ลำต้น

ลักษณะต้นเป็นไม้พุ่มยืนต้นแข็งแรงทนทาน สูง 3-7 เมตรอาจโตได้มากกว่านี้ เปลือกของต้นและกิ่งก้านมีสีน้ำตาลแกมดำมีโดยมีจุดเล็ก ๆ เป็นจุดอ่อนๆคล้ายเมล็ดงาติดอยู่กระจายทั่วลำต้นและกิ่งไม้ เนื้อในลำต้นมียางสีขาว ถ้าเปลือกไม้ถูกสกิดเป็นแผลจะมีน้ำยางสีขาวซึมออกมาทันที โดยที่พบมากจะแตกกิ่งออกใกล้พื้นดิน

ดอกโมก

ดอกของต้นไม้ชนิดนี้ เป็นดอกไม้สีขาว ขนาดไม่ใหญ่มากนักประมาณ 1-3 เซนติเมตร ออกเป็นกระจุกกระจายทั่วทั้งพุ่ม ไม้ โดยดอกนั้นมีกลิ่นหอมออกเย็นสดชื่นมักส่งกลิ่นในช่วงหัวค่ำมากกว่าตอนกลางวัน สามารถพบออกดอกได้ทั้งเป็นดอกชั้นเดียว และ ดอกสองชั้น ดอกสามารถออกได้ทั้งปี มักจะหนาเป็นพิเศษในฤดูหนาว

ใบ

ใบโมกมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปเหมือนไข่ โคนใบมีลักษณะมน ขอบใบเรียบ ปลาบใบแหลม ถ้าจับดูจะรู้สึกว่าใบบาง โดยมีดอกสีขาวแซมออกตามใบ ใบขนาดเล็กประมาณ 2 เซนติเมตร

ผล

ผลโมกออกมาเป็นคู่แบบฝักคู่ โคนของผลเชื่อมติดกัน ปลายแหลมเรียว เนื้อผิวเรียบ ขนาดยาวประมาณ 5-6 นิ้ว เมื่อแก่จะแตกออกภายในมีเมล็ดบรรจุไว้จำนวนมาก เมล็ดจะมีรูปคล้ายกระสวย ส่วนปลายมีขนสีขาวเป็นปุย โดยปุยของเมล็ดนั้นช่วยนำพาเมล็ดของมันปลิวไปกับลมได้ไกล ช่วยในการขยายพันธุ์นั้นเอง ถ้าหากเป็นดอกชนิดเดี่ยวจะติดฝักได้ดีกว่าดอกซ้อน

ดอกโมก

สายพันธุ์ของต้นโมก

  • โมกลา เป็นต้นแบบคลาสสิคของต้นไม้ชนิดนี้ มีกลีบดอกชั้นเดียว โดยเป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกประดับคู่บ้านคู่เรือนคนไทยมานาน
  • โมกซ้อน กลายพันธุ์มาจากแบบดั้งเดิม ลักษณะของดอกจะเป็นกลีบดอกซ้อน โดยพันธุ์นี้มักไม่พบเห็นตามธรรมชาติ เพราะขยายพันธุ์ได้ไม่ดีหรือเป็นหมันเนื่องจากดอกไม่ติดฝักนั้นเอง ลักษณะต้นเหมือนกันถ้าจะดูความแตกต่างแยกแยะได้จากดอกเท่านั้น
  • โมกพวง นอกจากพันธุ์ดั้งเดิมและแบบดอกซ้อนแล้ว ยังมีแบบดอกเป็นพวงอีกด้วย โดยดอกจะเป็นช่อๆขนาดใหญ่ในแต่ละช่อมีดอกอัดกันอยู่มากเป็นจำนวน 10-30 ดอกได้เลย นิยมปลูกเป็นไม้ดอกสำหรับประดับรั้วประดับบ้าน ดอกดูเป็นพวงสวยงามมาก พันธุ์นี้ดอกจะไม่ค่อยร่วงลงพื้น ถ้าแก่จะแห้งคาช่อ
  • โมกแคระ หรือบางคนเรียกว่า โมกพันธุ์เวียดนาม มีขนาดเล็กกว่าแบบปกติมากทั้งดอกและต้น มีกลิ่นหอมเหมือนเดิมถ้าเทียบที่ขนาดดอกที่เล็กถือว่ามีกลิ่นหอมแรงกว่าโมกชนิดอื่นมาก สูง 1-3 เมตร ลำต้นแข็งแรงน้อยกว่าพันธุ์ดั้งเดิม
  • โมกพันธุ์ด่าง เป็นพืชที่กลายพันธุ์ไปจากแบบปกติ มีทั้งแบบดอกซ้อน หรือดอกชั้นเดียว มีใบลักษณะด่างขาวปนเขียว
ผลโมก
ผลโมก ภาพจาก: www.flickr.com/photos/adaduitokla/6249868469

ด้านความเชื่อ

ประการสำคัญโมกถือเป็นไม้มงคล มักปลูกที่หน้าบ้าน โดยความเชื่อของคนไทยนั้นว่าหากปลูกต้นไม้ชนิดนี้ในบริเวณบ้านจะเพิ่มบารมี ส่งความสุข พูนความสดใส เสริมดวงและโชคให้เจ้าบ้าน แสดงถึงความหลุดพ้นจากกิเลสและทุกข์ทั้งปวง จะดียิ่งถ้าปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตามตำราว่าไว้ควรปลูกในวันเสาร์

ประโยชน์ในด้านอื่นๆของต้นโมก

  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับบ้านประดับรั้วได้
  • แข็งแรงทนทาน ปลูกง่าย สามารถตัดแต่งกิ่งก้านให้เป็นรูปได้ตามต้องการ แต่การตัดแต่งอาจต้องทำบ่อยสักหน่อย
  • สามารถปลูกเป็นแถวๆ แทนรั้วเพื่อบังสายตาได้ ให้ร่มเงาแก่พืชชนิดอื่นได้ แถมยังสวยงามแปลกตาอีกด้วย
  • ดอก คนไทยโบราณนิยมนำไปสกัดเพื่อทำพวกน้ำอบไทย น้ำปรุง โบราณ หรือเป็นน้ำหอมของคนไทยนั้นเอง
  • เปลือก นำมาทำเป็นยาช่วยให้เจริญอาหารหรืออยากอาหารได้
  • เปลือก สามารถใช้ในการรักษาโรคไต ตามตำราแผนโบราณ
  • ยางสีขาวจากต้น ใช้มาทำเป็นยารักษาแก้โรคบิดได้
  • ยางสามารถใช้บรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อยได้
  • ดอก สามารถนำมาทำเป็นยาระบายสำหรับผู้ที่ท้องผูก
  • ในส่วนของใบนั้น ช่วยในการขับน้ำเหลือง
  • ราก ตามตำราว่า รสเมามัน ใช้ต้มปรุงเป็นยารักษาโรคผิวหนัง,คุดทะราด
ต้นโมก

ข้อควรรู้ก่อนปลูก

ต้นโมกนั้นโตเร็วและสามารถขยายพันธุ์ได้หลากหลายแบบ ตอนกิ่ง,ปักชำ หรือ เพาะเมล็ด โดยชอบดินร่วนและระบายน้ำได้ดี อาจนำ วัสดุปลูก ต่างๆผสมรวมกัน ปุ๋ยหมัก,ปุ๋ยคอก ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้ทนทุกสภาพอากาศในประเทศไทย

สำหรับวิธีเลี้ยง ต้นโมกจะชอบแดดมาก หากได้รับแดดทั้งวันดอกจะดกและหนา รดน้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง การบำรุงต้นสามารถทำได้โดยใส่ปุ๋ยหมัก สัก 3 เดือนครั้ง การตัดแต่งควรทำอย่างสม่ำเสมอจะทำให้พุ่มดูหนาสวยงามไม่เกะกะ

บทส่งท้าย

ต้นไม้ชนิดนี้เป็นต้นไม้ที่มีความน่าปลูกอีกชนิดนึง โดยต้นโมกในท้องตลาดราคาไม่สูงมาก ราคาต้นกล้าขายเพียงหลักสิบเท่านั้น อีกทั้งยังเลี้ยงง่ายโตไว ออกดอกได้ตลอดทั้งปี มีกลิ่นหอมชวนหลงไหลซ้ำยังเป็นไม้มงคลมีความหมายดี เสริมความมงคลให้แก่ผู้ปลูก และผู้อยู่อาศัยในบริเวณ ช่วยให้บรรยากาศบ้านร่มรื่น น่าอยู่ ให้ร่มเงาได้ และที่สำคัญยังมากสรรพคุณทางยาอีกด้วย

 บทความที่คุณอาจสนใจ

RECENT POSTS