กาบหอยแครง เพชฌฆาตงับเหยื่อสุดโหดจากแดนอเมริกาเหนือ

กาบหอยแครง
สารบัญบทความ
กาบหอยแครง

คุณรู้หรือไม่ว่า? มีพืชที่จับแมลงมาเป็นอาหารอย่าง ‘กาบหอยแครง’ เพื่อให้ได้รับแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยให้เจริญเติบโตอยู่รอดได้ ทั้งนี้กาบหอยแครงก็ถือเป็นต้นไม้หรือพืชกินแมลง เรียกได้ว่าเป็นเพชฌฆาตงับเหยื่อ เช่นเดียวกับต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง และต้นหยาดน้ำค้าง แต่ทั้งนี้กำลังเป็นไม้ประดับที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในบรรดาพืชกินแมลง รวมไปถึงประสบความสำเร็จในการปลูกย้ายและเติบโตในหลาย ๆ พื้นที่ของโลก ซึ่งเราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับกาบหอยแครงให้มากขึ้น มาดูพร้อม ๆ กันเลย

ข้อมูลเกี่ยวกับ กาบหอยแครง

กาบหอยแครง

กาบหอยแครง หรือ Venus Flytrap มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Dionaea muscipula อยู่ในวงศ์ Droseraceae สกุล Dionaea มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา มักพบอยู่บริเวณป่าพรุ และหนองน้ำที่มีอากาศอบอุ่นรอบ ๆ เมืองวิลมิงตัน และรัฐอื่น ๆ อย่าง นอร์ทแคโรไลนา และรัฐเซาท์แคโรไลนา มีความทนทานต่อการเผาไหม้จากไฟป่าได้ดี เป็นพืชที่มีระบบรากอยู่ใต้ดิน ซึ่งอยู่ลึกลงไปประมาณ 4-6 นิ้ว มีโครงสร้างกับดักคล้ายกับบานพับ 2 กลีบ อยู่ที่ปลายใบของแต่ละใบ และมีขนกระตุ้นบาง ๆ บนพื้นผิวด้านในปากใบ จัดเป็นพืชที่สามารถจับกินสัตว์เป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์หรือแมลงเข้ามาสัมผัสขนกระตุ้นจำนวน 2 ครั้ง กับดักที่ใบจะงับเข้าหากัน

เหตุผลที่ต้องมีการกระตุ้นถึง 2 ครั้ง เพราะป้องกันการสูญเสียพลังงานในการงับและเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเหยื่อจริงๆ หลังจากนั้นจะทำการย่อยเหยื่อที่ดักจับได้ในทันที โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ ขึ้นกับขนาดของเหยื่อ เพื่อสร้างอาหารที่สำคัญอย่างโปรตีน และให้อยู่ดำรงอยู่รอดได้นาน แต่หากแมลงหรือเหยื่อหนีออกจากปากกับดักได้ กาบใบหอยแครงจะเปิดอีกครั้งภายในเวลา 12 ชั่วโมง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ กาบหอยแครง

· กาบ

เป็นต้นไม้ที่มีลำต้นเป็นกาบอยู่เหนือดิน มีขนาดประมาณ 3.2 เซนติเมตร และบางต้นอาจมีขนาดใหญ่ได้ถึง 2.5 นิ้ว ซึ่งปลายกาบมีซี่แบบฟันปลาประมาณ 15-20 ซี่ แต่ละซี่ผลิตน้ำหวานไว้ดักจับแมลง มีสีสันหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์และปริมาณแสงแดดที่ได้รับ ส่วนด้านในกาบมีขนด้านในไว้ตอบสนองต่อความรู้สึกเมื่อโดนสัมผัส เสมือนเป็นกับดักชั้นยอด เพื่อให้เกิดการงับเหยื่อได้ทันท่วงที โดยกาบจะงับเหยื่อภายใน 20 วินาทีหลังจากที่มีการสัมผัสขนด้านใน ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้งับเหยื่อช้าหรือเร็วนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ ความชื้น และสารอาหารอย่างโปรตีนในเหยื่อ เพราะต้องใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมอาหารอยู่พอสมควร ซึ่งอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงประมาณ 2 สัปดาห์ อีกทั้งกาบใบจะตายไปเองหลังจากที่จับเหยื่อได้ 7-10 ครั้ง หรือย่อยอาหารได้ 2-3 ครั้งแล้วนั่นเอง

· ใบ

ลักษณะของใบกาบหอยแครงจะมีรูปร่างคล้ายกับรูปหัวใจ มีความกว้างโดยประมาณ 1 นิ้ว หากเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนต้นจะผอม ก้านจะยาวและชูขึ้นไปบนอากาศ จากโคนใบถึงปลายกาบอาจยาวถึง 7 นิ้ว แต่ในบางครั้งก็มีบางต้นที่ไม่สร้างใบในฤดูร้อน แม้จะได้รับแสงแดดเพียงพอก็ตาม ส่วนในฤดูอื่น ๆ ใบจะยาวประมาณ 4 นิ้ว จะมีลักษณะเป็นรูปหัวใจและกว้างประมาณ 1 นิ้ว

กาบหอยแครง ดอก

· ดอก

ดอกของกาบหอยแครงจะออกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคม ก้านดอกสูงขึ้นไปประมาณ 12 นิ้ว มีสีขาว แดง แสด และมี 5 กลีบ ซึ่งในก้านหนึ่งจะมีดอกบานเพียงดอกเดียว หากจะพบดอกบานพร้อมกัน 2 ดอกภายในก้านเดียวนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยากเลยทีเดียว

· ราก

ต้นกาบหอยแครงมีรากเหง้าอยู่ใต้พื้นดิน ซึ่งจะอยู่ที่ความลึกประมาณ 4-6 นิ้ว และสามารถพบมากในบริเวณที่มีความชื้นสูง หรือบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง

· สายพันธุ์

กาบหอยแครงมีการจัดแบ่งสายพันธุ์ตามความแตกต่างตามลักษณะทางกายภาพอย่างง่ายๆ โดยแบ่งได้ 8 ลักษณะหลักเด่นๆ ดังนี้

  1. กาบหอยแครงแบบธรรมดา

ต้นใหญ่มีขนาดประมาณ 3-8 เซนติเมตร เมื่อโดนแสงแดดจ้า ต้นจะเป็นสีเขียวเหลือง ใบกาบจะเป็นสีชมพูถึงแดงเข้ม การเติบโตจะเริ่มจากแบบก้านสั้นนอนราบกับพื้น และจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ จนก้านตั้งยาวได้ เรียกว่า ก้านแบบฤดูร้อน

  1. กาบหอยแครงแบบก้านสั้น

ต้นนอนอยู่กับพื้น ลำต้นเตี้ย ก้านสั้น มักขึ้นตอนฤดูร้อนทั่ว ๆไป และมีสีอ่อนกว่าแบบธรรมดา

  1. กาบหอยแครงแบบก้านสีแดงต้นเขียว

ต้นจะเป็นกาบที่ทรงสวยไม่สูงและชูก้านขึ้นในหน้าร้อน โดยมีสีแดงจนถึงฝาด้านนอก สวยงาม จัดเป็นกาบที่ใหญ่ที่สุดในช่วงหน้าร้อนอีกด้วย

กาบหอยแครง สายพันธุ์
venus flytrap “red dragon”
  1. กาบหอยแครงแบบสีแดงทั้งหมด

เป็นกาบที่มีสีแดงเข้มทั้งต้น ถึงแม้จะปลูกในที่แดดไม่สว่างมาก ก็จะเป็นสีเขียวออกน้ำตาล แต่ถ้าโดนแดดมากก็จะเป็นสีแดงทั้งต้น ซึ่งเลี้ยงยากที่สุด และแข็งแกร่ง อยู่ได้นานที่สุดในบรรดากาบหอยแครงสีแดงอื่น ๆ ด้วย

กาบหอยแครง
venus flytrap “dente”
  1. กาบหอยแครงแบบฟันลักษณะเหมือนเลื่อย

มีลักษณะเหมือนกาบทั่ว ๆ ไปในฤดูร้อน โดยฟันของกาบหอยแครงจะเป็นเหมือนใบเลื่อยนั่นเอง

  1. กาบหอยแครงแบบก้านชูสูง

ตัวก้านชูขึ้นสูง และฟันบริเวณกาบใบจะมีลักษณะเป็นเหมือนฟันฉลาม ให้ความสวยงาม เหมาะสำหรับคนที่สะสมพืชกินแมลงกาบหอยแครงฟันฉลาม

พืชกินแมลง
venus flytrap hybrids
  1. กาบหอยแครงแบบกลายพันธุ์

มีสายพันธุ์หลายรูปแบบ และรูปลักษณ์หรือลักษณะไม่แน่นอน ซึ่งเกิดจากการผสมหรือทดลองเพาะพันธุ์ และพัฒนาสายพันธุ์ เป็นต้น

  1. กาบหอยแครงแบบจิ๋ว

ใบกาบมีขนาดเพียง 2 มิลลิเมตร จัดเป็นชนิดกาบหอยแครงแคระ และมีขนาดเล็กมากที่สุด

วิธีดูแลและเลี้ยงต้นกาบหอยแครงให้ถูกต้อง อยู่รอดได้นาน

กาบหอยแครง

กาบหอยแครงอาจจะดูเหมือนเลี้ยงง่าย แต่ก็ตรงกันข้ามเลย เพราะหากสังเกตกาบหอยแครงให้ดีที่มีใบเขียว ๆ ที่เหมือนยังมีชีวิตอยู่ อาจจะนิ่งตายไม่โตขึ้นอีก และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเราจะมาแนะนำวิธีเลี้ยงดูแลกาบหอยแครงดังต่อไปนี้

1. วัสดุปลูก

กาบหอยแครงต้องการเครื่องปลูกที่ไม่มีแร่ธาตุ และต้องมีระบบระบายน้ำที่ดี มีเก็บความชื้น แต่ต้องห้ามแฉะเป็นอันขาด เพราะรากกาบหอยแครงเน่าได้ง่าย หนึ่งในวัสดุปลูกที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ สแฟกนั่มมอส ขุยมะพร้าว พีทมอส ทั้งนี้ควรเปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่ทุก ๆ 1-2 ปี

2. น้ำ

น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำที่ไม่มีความกระด้าง ไม่มีความเค็ม เช่น น้ำกรองระบบ RO น้ำฝน น้ำกลั่น เป็นต้น หรือใช้น้ำดื่มธรรมดาที่ไม่มีแร่ธาตุ โดยรดน้ำให้เป็นประจำและหมั่นเช็คเครื่องปลูกไม่ให้แห้งเป็นอันขาด หรือจะใช้จานรองน้ำก้นกระถางก็เป็นวิธีที่ดีซึ่งผู้เขียนแนะนำ

3. ฝน

ทางผู้ปลูกแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนฝนโดยตรง เพราะเม็ดฝนจำนวนมากหากหยดลงมาโดนกาบ จะทำให้กาบหุบโดยไม่จำเป็นซึ่งเป็นสิ่งที่เปลืองพลังงานของพืชเป็นอย่างมาก

4. แสง

ควรจัดตั้งหรือวางต้นกาบหอยแครงให้โดนแสงแดดมากที่สุด และใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งสามารถปลูกเลี้ยงในที่กลางแจ้งแบบ 100% หรือแบบพรางแสง 50-60% ได้เช่นกัน ขึ้นกับช่วงฤดู อย่างเช่นในกรณีแดดช่วงหน้าร้อนควรจะพรางแสงเนื่องจากอุณภูมิสูงเกินไป

5. ดอก

อย่างที่รู้กันว่าพืชแทบทุกชนิดมีดอก และหากต้นกาบหอยแครงเกิดดอก ต้นจะโทรม เพราะดอกจะแย่งสารอาหารไปหมด ดังนั้นหากไม่ต้องการดอก ให้รีบตัดตั้งแต่ดอกเริ่มตั้งช่อ เพื่อไม่ให้ดอกแย่งสารอาหาร และต้นจะได้เจริญเติบโตได้ไวและงอกงามดังเดิม

6. เพาะเมล็ด

เมล็ดของกาบหอยแครงจะมีความเสื่อมสภาพได้ไว เพราะเป็นชนิดพืชกินแมลง หากต้องการเพาะเมล็ด จำเป็นต้องทำการเพาะทันทีหลังจากได้รับ หรือ เก็บ ภายในระยะเวลา 1 เดือน อีกทั้งไม่ควรปิดอบเพาะ เพื่อให้ต้นยังคงมีความแข็งแรง เติบโตต่อได้

7. กาบดำ

เมื่อเข้าฤดูหนาว หรืออุณหภูมิลดต่ำลง รวมไปถึงช่วงสภาพอากาศที่ไม่มีแสงแดดติดต่อกันหลายวัน พืชจะเกิดภาวะที่เรียกว่าการ พักตัวหรือจำศีล ใช้เวลาราว 4 เดือน จะส่งผลให้เกิดกาบดำ นั้นหมายถึง กาบหอยแครงกำลังอยู่ในช่วงพักตัว แต่ถ้าหากมีแสงแดดเพียงพอ แต่ยังคงมีกาบดำ ให้นำเข้าไปอบในภาชนะปิด เพื่อลดความชื้นและแสงให้มากที่สุด

ในประเทศไทยกาบหอยแครงอาจไม่เกิดภาวะพักตัวในบางปีหรือไม่เกิดขึ้นเลย เนื่องจากอุณภูมิไม่ลดต่ำมากเหมือนในต่างประเทศ ซึ่งการไม่เกิดภาวะพักตัวจะส่งผลให้พืชอายุสั้นกว่าปกติ หนึ่งในวิธีแก้ไขคือ การหลอกพืชโดยการเอาไปแช่ตู้เย็นแต่น้ำยังคงให้ตามเดิมในปริมาณที่น้อยลงจนกว่าจะสิ้นระยะเวลาพัก จึงจะนำออกมาข้างนอกตามเดิม

8. ปุ๋ย

สามารถให้ปุ๋ยแบบเม็ดละลายช้าได้ แต่ควรให้ปริมาณที่น้อยมาก ๆ ทั้งนี้แนะนำให้ใช้อาหารจำพวกแมลง เช่น มด ยุง แมลงวัน ตั๊กแตน ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องปลูกมีแร่ธาตุมากจนเกินไป และกาบหอยแครงได้รับโปรตีนที่เป็นสารอาหารสำคัญจากแมลง

กาบหอยแครง ขยายพันธุ์
กาบหอยแครง(เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในขวด)

10. ขยายพันธุ์

อาจขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในขวด ซึ่งขั้นตอนนั้นค่อนข้างซับซ้อน สามารถอ่านเพิ่มเติมที่ : http://www.fio.co.th/fio/km/docKM63/tissue.pdf

สำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทางเราจะกล่าวโดยคร่าวๆ คือ นำขวดไปวางไว้ในบ้านแต่ต้องให้ขวดได้รับแสงไฟ เพื่อให้ต้นไม้ได้สังเคราะห์แสง ใช้ระยะเวลาเลี้ยงในขวดประมาณ 6 เดือน ในระหว่างนี้ห้ามเปิดฝาขวด เพื่อป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียจากภายนอก

เมื่อต้นไม้เริ่มโตแน่นขวด ให้ปรับสภาพต้นไม้โดยการคลายฝาขวดออก แล้ววางในที่ร่ม 1 สัปดาห์ จากนั้นเปิดฝาขวดออก ใส่น้ำเขย่าล้างวุ้นอาหารให้สะอาดป้องกันการเกิดเชื้อรา และใส่วัสดุปลูก Sphagnum moss มีคุณสมบัติกักเก็บความชื้น อุ้มน้ำได้ดี หุ้มกระถางด้วยถุงพลาสติกใสมัดปากถุงให้สนิท เพื่อรักษาความชื้นให้ใกล้เคียงสภาพในขวด 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นเจาะรูที่ถุงแล้วทิ้งไว้อีก 1 สัปดาห์ จึงนำถุงออก นำไปไว้ในที่มีแสงและไร้ความชื้น เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับการขยายพันธุ์กาบหอยแครง

นอกจากนี้ยังมีวิธีขยายพันธุ์อื่นๆเช่น การชำใบ การแยกหน่อ เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อย

พืชกินแมลง

กาบหอยแครงและต้นว่านกาบหอยแครง เป็นพืชชนิดเดียวกันหรือไม่?

ตอบ เป็นพืชคนละชนิดและมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยกาบหอยแครงเป็นพืชชนิดกินแมลง ส่วนต้นว่านกาบหอยแครงมีสรรพคุณทางยา คือ นำใบไปต้มน้ำ เพื่อดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ไอ แก้บิดถ่ายเป็นเลือดได้

ทำไมกาบหอยแครงต้องดักจับกินแมลง?

ตอบ เนื่องจากพืชมีการปรับตัวและวิวัฒนาการให้ตัวเองสามารถดำรงอยู่รอดในแหล่งอาหารที่ไม่สมบูรณ์ ขาดแร่ธาตุหลักสำคัญจากดิน จึงไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้เติบโต ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนแปลงในส่วนของกาบใบให้สามารถสร้างเหยื่อล่อ และดักจับแมลง เพื่อดูดซึมสารอาหาร สร้างเอนไซม์ย่อยโปรตีน และได้รับแร่ธาตุไนโตรเจนในการเติบโตให้อยู่รอดต่อไปได้

กาบหอยแครงสามารถปลูกเพื่อสร้างรายได้ เหมาะสมหรือไม่?

ตอบ พืชกินแมลงจัดเป็นพืชที่เหมาะสมในการสร้างรายได้ดี สามารถนำไปวางขายในงานไม้ดอก ไม้ประดับ มักมียอดขายที่ค่อนข้างดี และกาบหอยแครงเองก็เป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้เริ่มเลี้ยงพืชกินแมลง จะมีราคาโดยประมาณต้นละ 20-500 บาท ส่วนนักสะสมพืชกินแมลงที่มีการเพาะหรือพัฒนาสายพันธุ์ที่แปลกตา จะมีราคาสูงถึงหลักพันทีเดียว

แหล่งอ้างอิง

www.vichakaset.com/%E0%B8%81

www.baanlaesuan.com/49467/ideas/garden-ideas/carnivorous-plants-2/2

th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2

hd.co.th/venus-flytrap

www.sanook.com/money/82481/

RECENT POSTS