เพอร์ไลท์ วัสดุปลูกทางเลือกช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน และข้อควรรู้ในการใช้

เพอร์ไลท์
สารบัญบทความ
เพอร์ไลท์

ในบทความก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงวัสดุปลูกอื่น ๆ ที่สามารถใช้เพาะปลูกและขยายพันธุ์พืชแทนการใช้ดินธรรมชาติ หรือสามารถใช้ผสมเพื่อปรับปรุงคุณภาพดินให้มีความเหมาะสมกับการเพาะปลูกมากยิ่งขึ้น เช่น ดินวิทยาศาสตร์, พีทมอส (Peat Moss) และสแฟกนั่มมอส (Sphagnum Moss)

สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งวัสดุปลูกที่ได้รับความนิยมในวงการเกษตรมาเป็นเวลาช้านานและถูกใช้อย่างแพร่หลายไม่แพ้วัสดุปลูกชนิดอื่น ๆ อย่าง “เพอร์ไลท์ (Perlite)” หินภูเขาไฟที่มาพร้อมกับคุณสมบัติสุดโดดเด่น เหมาะสำหรับใช้ปรับคุณภาพดินปลูกให้ร่วนและโปร่ง ส่งเสริมระบบรากให้แข็งแรง ปลอดโรค ช่วยให้ต้นไม้และพันธุ์พืชเจริญเติบโต ติดดอกออกผล ยืนต้นสวยงาม

เพอร์ไลท์

เพอร์ไลท์ คืออะไร

เพอร์ไลท์ (Perlite) คือ วัสดุปลูกที่ได้มาจากย่อยหินภูเขาไฟชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกเดียวกัน (หินเพอร์ไลท์) จนมีขนาดเล็กละเอียด แล้วนำไปผ่านความร้อนที่ระดับอุณหภูมิประมาณ 850-900 องศาเซลเซียส จนได้เป็นเพอร์ไลท์พร้อมใช้ที่มีลักษณะเป็นก้อนกรวดเนื้อโปร่งสีขาว มีขนาดตั้งแต่ 2-8 มิลลิเมตร

คุณสมบัติที่โดดเด่นของเพอร์ไลท์คือ มีน้ำหนักเบา โครงสร้างภายในมีลักษณะเป็นรูพรุนจึงทำให้เพอร์ไลท์สามารถอุ้มน้ำได้ประมาณ 3-4 เท่าของน้ำหนักตัวและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในดินปลูกได้ดี

ทั้งนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ดินปลูกเปียกแฉะหรือมีความชื้นสะสมมากเกินไป เพราะเพอร์ไลท์มีเนื้อที่ร่วนและโปร่ง จึงช่วยลดความหนาแน่นและการจับตัวเป็นก้อนแข็งของดิน เพิ่มอัตราการไหลเวียนของอากาศและน้ำในวัสดุปลูก ทำให้รากพืชเดินได้สะดวกและแข็งแรง เพิ่มอัตราการรอดและการเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ได้เป็นอย่างดี 

เพอร์ไลท์

เพอร์ไลท์ ทำมาจากอะไร

แหล่งกำเนิดของเพอร์ไลท์ (ที่ใช้เป็นวัสดุปลูก) คือ หินเพอร์ไลท์ ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้เองในธรรมชาติ พบได้มากในประเทศอาร์มีเนีย กรีซ ตุรกี อเมริกา และฮังการี ซึ่งหินภูเขาไฟชนิดนี้เป็นหินภูเขาไฟที่มีปริมาณน้ำในตัวค่อนข้างสูง เกิดจากการเย็นและแข็งตัวลงอย่างรวดเร็วของลาวาจนทำให้ได้หินที่มีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว (Volcanic Glass) กลายเป็นหินออบซิเดียน (Obsidian) ที่ตัวหินจะเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ เนื้อหินเนียนละเอียดและมีผลึกเล็กมาก ต่อมาเมื่อหินออบซิเดียนเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับน้ำเป็นระยะเวลานานก็จะกลายเป็นหินเพอร์ไลท์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีสีดำหรือสีเทา มีขนาดและรูปทรงที่ไม่แน่นอน 

โดยกระบวนการผลิตเพอร์ไลท์ที่ใช้เป็นวัสดุปลูก ทำได้โดยการนำก้อนหินเพอร์ไลท์ขนาดใหญ่มาระเบิดเพื่อย่อยให้หินละเอียดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นเพอร์ไลท์ดิบ จากนั้นจึงนำเพอร์ไลท์ดิบไปผ่านกระบวนการความร้อนที่ระดับอุณหภูมิ 850-900 องศาเซลเซียส จนได้เพอร์ไลท์พร้อมใช้ที่มีขนาดขยายใหญ่ขึ้น 7-16 เท่าของเพอร์ไลท์ดิบ ค่าความหนาแน่นลดลงจาก 1,100 kg/m3 เหลือที่ประมาณ 30-150 kg/m3 จึงทำให้เพอร์ไลท์มีความพรุนในตัวสูง ช่วยลดความหนาแน่นและเพิ่มช่องว่างให้ดินปลูก และเป็นวัสดุปลูกที่มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้เป็นอย่างดี 

เพอร์ไลท์ ปลูกต้นไม้

วิธีการใช้เพอร์ไลท์ในทางการเกษตร

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของเพอร์ไลท์ที่มีน้ำหนักเบา ดูดซับความชื้นไว้กับตัวได้ดี ช่วยเพิ่มอัตราการไหลเวียนของน้ำและอากาศในดินปลูก ทั้งยังเป็นวัสดุปลูกที่สะอาดและปราศจากเชื้อโรค จึงนิยมใช้เพอร์ไลท์เพื่อประโยชน์ทางการเกษตรอย่างหลากหลาย เช่น 

  • ใช้เพอร์ไลท์ช่วยปรับคุณภาพดินปลูกให้มีความโปร่งและร่วนซุย ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและระบายน้ำได้ดี ด้วยการใช้เพอร์ไลท์ผสมเข้ากับดินปลูก เวอร์มิคูไลท์ หรือพีทมอสในอัตราส่วน 1:1 โดยสามารถใช้สำหรับการเพาะเมล็ด เพาะต้นกล้า หรือการปลูกพันธุ์ไม้ทั่วไป โดยเฉพาะการปลูกพืชไร้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์)
  • ใช้เพอร์ไลท์สำหรับการปักชำพืช โดยสามารถใช้เพอร์ไลท์ที่แช่น้ำจนชุ่มน้ำมาใช้ปักชำพืชแทนการใช้น้ำ 
  • ใช้เพอร์ไลท์สำหรับทดสอบการงอกของเมล็ดพันธุ์ ด้วยการใช้เพอร์ไลท์ที่แช่น้ำจนเปียกชุ่มมาเป็นวัสดุปลูกแทนการใช้ดิน ซึ่งเป็นวิธีการทดสอบที่สะดวกและปราศจากเชื้อโรคมากกว่า
  • ใช้เพอร์ไลท์โรยที่บริเวณหน้าดินปลูก เพื่อช่วยคงความชุ่มชื้นของหน้าดิน ลดปัญหาดินปลูกแห้งไว ทำให้เกษตรกรหรือผู้ปลูกเลี้ยงไม่ต้องคอยรดน้ำต้นไม้อยู่เป็นประจำ
เพอร์ไลท์ คุณสมบัติ

ประโยชน์ของเพอร์ไลท์ในการปลูกพืช

1. เพอร์ไลท์นับเป็นวัสดุปลูกที่สะอาดและปราศจากเชื้อโรค เพราะในกระบวนการผลิตเพอร์ไลท์เพื่อใช้เป็นวัสดุปลูก จะใช้ความร้อนที่ระดับอุณหภูมิประมาณ 850-900 องศาเซลเซียส จึงสามารถใช้เป็นวัสดุปลูกแทนดินได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดโรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อรา แบคทีเรียและแมลงศัตรูพืชที่พบได้ในดินธรรมชาติ 

2. เพอร์ไลท์มีค่า pH เป็นกลาง ปลอดภัยต่อพืชพันธุ์ทุกชนิด และสามารถใช้ผสมกับปุ๋ยได้ทุกสูตรโดยไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ช่วยให้ปุ๋ยทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

3. เพอร์ไลท์เป็นวัสดุปลูกที่ไม่ทำปฏิกิริยาเคมีใด ๆ กับต้นไม้ หรือวัสดุปลูกอื่น ๆ ที่ใช้ผสมร่วมกัน จึงสามารถใช้เพาะปลูกพันธ์ไม้ได้อย่างหลากหลาย ทั้งการเพาะปลูกเมล็ด เพาะต้นกล้า การปลูกพืชไร้ดินหรือพืชไฮโดรโปนิกส์ ทั้งยังสามารถใช้ปลูกพันธุ์ไม้อื่น ๆ ได้ทั่วไป 

4. เพอร์ไลท์เป็นวัสดุปลูกที่มีน้ำหนักเบาและโปร่ง มีโครงสร้างที่เป็นรูพรุน สามารถดูดซับน้ำได้ดีและช่วยเพิ่มอัตราการระบายน้ำและอากาศในวัสดุปลูก ลดปัญหาดินจับตัวเป็นก้อนแข็ง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี รากพืชแข็งแรง รากเดินสะดวก ช่วยป้องกันการเกิดโรครากในพืช 

5. เพอร์ไลท์เป็นวัสดุปลูกในกลุ่มสารอนินทรีย์ จึงมีรูปร่างที่แน่นอน คงทนและเสื่อมสภาพยาก สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง

6. เพอร์ไลท์มีคุณสมบัติเป็นฉนวน ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมและรักษาระดับอุณหภูมิภายในดินปลูก 

7. เพอร์ไลท์ช่วยลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีมากเกินจำเป็น ด้วยคุณสมบัติโครงสร้างลักษณะรูพรุนของเพอร์ไลท์ จึงช่วยดูดซึมสารอาหารจากปุ๋ย รวมถึงสารเคมีอื่น ๆ เอาไว้ภายในดินปลูกและปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ จึงช่วยชะลออัตราการสลายตัวและขยายระยะเวลาการออกฤทธิ์ของปุ๋ยและสารเคมีให้ยาวนานยิ่งขึ้น 

ประโยชน์ด้านอื่น ๆ

นอกจากการใช้เพอร์ไลท์เพื่อประโยชน์ทางการเกษตรแล้วนั้น ยังนิยมนำเพอร์ไลท์ไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

  • ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนิยมใช้เพอร์ไลท์เพื่อช่วยลดน้ำหนักของสิ่งก่อสร้าง เช่น การก่ออิฐ การทำฝ้าเพดาน
  • ใช้เพอร์ไลท์เป็นส่วนประกอบของเซรามิกส์และปูนปลาสเตอร์
  • ใช้ในอุตสาหกรรมการระเบิด
เพอร์ไลท์ คือ

ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้

เพอร์ไลท์นับเป็นวัสดุปลูกที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและเหมาะสมต่อการเพาะปลูก แต่อย่างไรก็ตามเพอร์ไลท์ที่ผลิตมาจากหินภูเขาไฟ ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์จึงอาจมีข้อจำกัดบางประการและมีข้อควรระวังในการใช้งานดังนี้

  • เพอร์ไลท์อาจเป็นวัสดุปลูกที่มีคุณค่าทางสารอาหารค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นวัสดุปลูกในกลุ่มอนินทรีย์ จึงควรใช้เพอร์ไลท์ผสมรวมกับวัสดุปลูกอื่น ๆ เพื่อช่วยเสริมธาตุอาหารสำคัญให้ครบถ้วน เช่น ดินร่วน ปุ๋ยหมัก เวอร์มิคูไลท์ ฯลฯ หรือในกรณีที่ใช้เพอร์ไลท์เพื่อการเพาะเมล็ด เพาะต้นกล้า เมื่อต้นอ่อนเริ่มแทงยอดออกมาจากเมล็ดควรเริ่มให้ปุ๋ยเสริมธาตุอาหารทันที
  • การสูดดมฝุ่นหินที่ที่ผสมอยู่ในเพอร์ไลท์อาจสร้างอันตรายต่อสุขภาพ และฝุ่นเหล่านั้นอาจเข้าไปเกาะสะสมอยู่ภายในปอดหรือสร้างความระคายเคืองให้กับดวงตา ก่อนการใช้เพอร์ไลท์ทุกครั้งจึงควรสวมหน้ากากเพื่อช่วยป้องกันฝุ่น หรือนำเพอร์ไลท์ไปแช่น้ำประมาณ 30-60 นาที ทุกครั้งก่อนการใช้งาน
  • เพอร์ไลท์เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป (Exhausting natural resources) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ น้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน จึงควรใช้เพอร์ไลท์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด สามารถนำเพอร์ไลท์กลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้งจนกว่าเพอร์ไลท์จะเริ่มเสื่อมสภาพ
เพอร์ไลท์ ปลูกต้นไม้

สรุป

เพอร์ไลท์ เป็นวัสดุปลูกชนิดหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการเกษตร ด้วยคุณสมบัติที่มีโครงสร้างแบบรูพรุน จึงช่วยปรับคุณภาพของดินปลูกให้มีความโปร่ง ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง สามารถถ่ายเทน้ำและอากาศได้ดี ช่วยเพิ่มอัตราการรอดและการเจริญเติบโตของพันธุ์พืช สามารถใช้เพอร์ไลท์เพื่อประโยชน์ด้านการเพาะปลูกได้อย่างหลากหลาย ทั้งการใช้เพื่อเพาะพันธุ์เมล็ด เพาะต้นกล้า การปักชำพืชหรือใช้สำหรับปลูกพืชพันธุ์ทั่วไป ทั้งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ และยังนิยมใช้เป็นวัสดุปลูกสำหรับการปลูกพืชไร้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์)

ทั้งนี้สัดส่วนและปริมาณการใช้เพอร์ไลท์อาจแตกต่างกันออกไปสำหรับการเพาะปลูกเมล็ด หรือพันธุ์พืชแต่ละชนิด ผู้ใช้จึงควรศึกษาและใช้เพอร์ไลท์ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการเพาะปลูกและทำให้พันธุ์พืชเจริญงอกงามได้เป็นอย่างดี 

References

ติดตามบทความน่าสนใจใหม่ๆจากทางเราที่ : preserved-flower.biz

RECENT POSTS